ในหลายปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นหลายเหตุการณ์ เช่น การที่มีดอกไม้บานที่แอนตาร์กติกา ซึ่งเป็นผลกระทบที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิระดับโลก (Global Temperature Shift) หรือ ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นรุนแรงเพิ่มมากขึ้นทุกๆ ปี ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วมในแคว้นบาเลนเซียที่สเปน เมื่อช่วงเดือนตุลาคม ปี 2024 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นอุทกภัยที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด ครั้งหนึ่งของสเปนเลยก็ว่าได้ และล่าสุด เหตุการณ์ไฟไหม้ที่ LA ที่ทำความเสียหายเป็นมูลค่ามหาศาล และนับเป็นการเกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ ซึ่ง 1 ในปัจจัยหลัก คือ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Change

แล้ว Climate Change นี้ คืออะไร ?
Climate หรือ ภูมิอากาศ คือ สภาพอากาศปกติที่ปกคลุมโลกเรามาเป็นระยะเวลายาวนาน ในภาวะปกติ การที่สภาพภูมิอากาศจะเปลี่ยนแปลงได้ จะต้องอาศัยเวลาเป็นร้อยหรือพันปี เป็นการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป แต่ในช่วงหลายสิบปีมานี้ สภาพภูมิอากาศของโลกเราเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และการเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตบนโลก ไม่ว่าจะเป็นพืชพันธุ์ต่างๆ สัตว์ทุกชนิดตั้งแต่ขนาดเล็กจิ๋ว ไปจนถึงขนาดใหญ่ สิ่งมีชีวิตในทะเล รวมถึงทุกคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ต่างๆ บนโลกด้วย

สาเหตุหลัก ของการเกิด Climate Change คือ กิจกรรมของมนุษย์เอง ไม่ว่าจะเป็นการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลเพื่อการผลิตไฟฟ้า การใช้น้ำมันเพื่อการเดินทาง การผลิตสินค้าเพื่ออำนวยความสะดวกหรือใช้ในชีวิตประจำวัน การตัดไม้เพื่อนำไม้มาใช้ หรือต้องการพื้นที่ในการทำเกษตรกรรม หรือสร้างเมือง เป็นต้น ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ ล้วนแต่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือ Greenhouse Gas (GHG) ทั้งสิ้น ดังนั้นเมื่อมีการผลิตสิ่งต่างๆ มากเกินพอดี บวกกับการใช้ทรัพยากรอย่างฟุ่มเฟือย ส่งผลให้ GHG ถูกปล่อยออกมาในปริมาณมากภายในระยะเวลาสั้น ทำให้ GHG ที่ลอยขึ้นไปอยู่บนชั้นบรรยากาศสลายตัวไม่ทัน โดยเฉพาะ GHG ที่ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น พวกสารทำความเย็นต่างๆ เช่น Hydrofluorocarbons (HFCs) อาจสะสมอยู่ในชั้นบรรยากาศได้นานนับพันปี

ในสภาวะปกติ ปริมาณ GHG ในชั้นบรรยากาศที่สมดุล จะช่วยให้โลกมีความอบอุ่น รังสีความร้อนที่ส่งเข้ามายังโลกสามารถสะท้อนออกไปได้ และไม่ถูกกักเก็บไว้มากเกินไป ทำให้สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้ พืชพรรณเติบโตได้ดี ฤดูกาลเป็นไปตามรอบ ภัยพิบัติรุนแรงอาจเกิดขึ้นบ้าง แต่ไม่บ่อย และไม่หนักเหมือนในปัจจุบัน การที่ GHG สะสมอยู่ในชั้นบรรยากาศปริมาณมากๆ ส่งผลให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น ความร้อนไม่สามารถสะท้อนออกนอกโลกได้ในปริมาณที่เหมาะสม ความร้อนบางส่วนได้สะท้อนกลับมายังโลก ทำให้เกิด Global Warming (ภาวะโลกร้อน) หรือ Global Boiling (ภาวะโลกเดือด) และ ในปี 2024 ที่ผ่านมาเป็นครั้งแรกที่อุณหภูมิผิวโลกแตะระดับ 1.5 องศาเซลเซียส (คิดจากอุณหภูมิบนพื้นผิวเฉลี่ยทั้งโลก)
บริษัท แบ็กส์ แอนด์ โกล์ฟ ผู้นำด้านการผลิตพลาสติกในประเทศไทย ที่แปรรูปเม็ดพลาสติกทั้งแบบทั่วไปและย่อยสลายได้ เป็นฟิล์มพลาสติก จากนั้นนำมาตัดและซีลเป็นผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบ เช่น ถุงมือ ผ้ากันเปื้อน ปลอกแขน และอุปกรณ์ป้องกันอื่นๆ สำหรับอุตสาหกรรมอาหารและการแพทย์ ด้วยคุณภาพที่ได้รับมาตรฐานสากล พร้อมประสบการณ์มากกว่า 28 ปี