ปฏิเสธได้ยากว่าในชีวิตประจำวัน การหลีกเลี่ยงที่จะใช้ ‘ถุงพลาสติก’ ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่ในวันนี้ ก็ได้มีนวัตกรรมรักษ์โลกที่น่าสนใจเกิดขึ้นมา นั่นก็คือ ถุงพลาสติกย่อยสลายได้ เรามาดูกันว่านวัตกรรมที่ว่านี้ นอกจากจะมาช่วยลดขยะพลาสติกลงแล้ว ยังจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงการใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างไร และส่งผลดีอย่างไรบ้างต่อทั้งเราเองและสิ่งแวดล้อม
ถุงพลาสติกย่อยสลายได้คืออะไร?
ถุงพลาสติกย่อยสลายได้ คือถุงที่ผลิตจากวัสดุพิเศษที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้างที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม โดยถุงเหล่านี้ถูกออกแบบให้สลายตัวได้เร็วกว่าถุงพลาสติกทั่วไปที่อาจใช้เวลาย่อยสลายเป็นร้อยถึงพันปี
โดยถุงพลาสติกย่อยสลายได้มีความแตกต่างจากถุงพลาสติกทั่วไปอย่างชัดเจน ดังนี้:
- วัตถุดิบ: ถุงพลาสติกทั่วไปผลิตจากปิโตรเลียม แต่ถุงย่อยสลายได้ผลิตจากวัสดุธรรมชาติหรือวัสดุผสมที่สามารถย่อยสลายได้
- ระยะเวลาย่อยสลาย: ถุงพลาสติกทั่วไปอาจใช้เวลาย่อยสลายถึง 500-1,000 ปี ขณะที่ถุงย่อยสลายได้ใช้เวลาเพียง 3-6 เดือนไปจนถึง 2-3 ปี ขึ้นอยู่กับประเภทและสภาพแวดล้อม
- ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม: เมื่อย่อยสลาย ถุงพลาสติกทั่วไปจะเหลือไมโครพลาสติก แต่ถุงย่อยสลายได้จะแตกสลายเป็นสารอินทรีย์ที่ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม
2 ประเภทของถุงพลาสติกย่อยสลายได้
1. Biodegradable Plastic (พลาสติกย่อยสลายทางชีวภาพ)
Biodegradable Plastic หรือพลาสติกย่อยสลายทางชีวภาพผลิตจากวัสดุธรรมชาติ โดยเฉพาะพืชที่มีแป้งสูง เช่น ข้าวโพด มันสำปะหลัง และอ้อย ซึ่งสามารถนำมาแปรรูปให้กลายเป็นพอลิเมอร์ที่มีคุณสมบัติคล้ายพลาสติกแต่สามารถย่อยสลายได้
- กระบวนการย่อยสลายในสิ่งแวดล้อม : เมื่อ Biodegradable Plastic ถูกทิ้งในสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม จุลินทรีย์ในธรรมชาติจะย่อยสลายโมเลกุลของพลาสติก โดยใช้เอนไซม์ในการตัดพันธะเคมี ทำให้โครงสร้างของพลาสติกแตกสลายกลายเป็นสารอินทรีย์ พร้อมปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ น้ำ และมวลชีวภาพ
- ระยะเวลาการย่อยสลาย : ถุงพลาสติกย่อยสลายทางชีวภาพใช้เวลาย่อยสลายเร็วกว่าพลาสติกทั่วไป ภายใต้สภาวะที่เหมาะสม เช่น มีความชื้น อุณหภูมิ และจุลินทรีย์ที่เพียงพอ แต่หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น หลุมฝังกลบที่แออัด การย่อยสลายอาจใช้เวลานานขึ้น
2. Compostable Plastic (พลาสติกที่ย่อยสลายเป็นปุ๋ยได้)
Compostable Plastic เป็นหนึ่งใน Biodegradable Plastic แต่มีคุณสมบัติพิเศษกว่าพลาสติกย่อยสลายทางชีวภาพทั่วไป คือ:
- สลายตัวได้ภายใน 180 วัน หรือ 3-6 เดือน ในสภาวะที่เหมาะสม หรือ 1-2 ปีในสภาวะแวดล้อมทั่วๆ ไป
- ไม่มีสารตกค้าง เช่น โลหะหนัก หลังจากย่อยสลายไปแล้ว
- กลายเป็นสารปรับปรุงดินที่ไม่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของพืช
ส่วนวิธีการกำจัดคือการทิ้งในถังขยะอินทรีย์หรือถังหมักปุ๋ย แต่ก็มีข้อจำกัดคือ ไม่สามารถนำไปรีไซเคิลได้
ข้อดีของการใช้ถุงพลาสติกย่อยสลายได้
1. ลดปัญหาขยะพลาสติกตกค้างในสิ่งแวดล้อม
ถุงพลาสติกย่อยสลายได้ช่วยลดการสะสมของขยะพลาสติกในทะเล แม่น้ำ และพื้นที่ฝังกลบ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของโลกในปัจจุบัน เพราะทำให้ไม่มีขยะตกค้างระยะยาว ลดปัญหามลพิษทางสิ่งแวดล้อม
2. ลดการใช้ทรัพยากรฟอสซิล
การผลิตถุงพลาสติกย่อยสลายได้ใช้วัตถุดิบจากพืชที่ปลูกทดแทนได้ แทนการใช้ปิโตรเลียมซึ่งเป็นทรัพยากรที่กำลังจะหมดไป เป็นการลดการพึ่งพาน้ำมันดิบและช่วยบรรเทาปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากการปล่อยสารพิษ
3. เป็นมิตรต่อสัตว์และระบบนิเวศ
ถุงพลาสติกทั่วไปเป็นอันตรายต่อสัตว์ทะเลและสัตว์บกที่อาจกินเข้าไปโดยไม่รู้ตัว แต่ถุงพลาสติกย่อยสลายได้จะค่อยๆ สลายตัวในธรรมชาติ ลดความเสี่ยงต่อสัตว์และไม่ทำลายระบบนิเวศ
4. รองรับกระบวนการย่อยสลายทางธรรมชาติ
ถุงพลาสติกย่อยสลายได้บางประเภทสามารถนำไปรีไซเคิลได้ และที่สำคัญคือสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติหากไม่ได้ถูกรีไซเคิล ต่างจากถุงพลาสติกทั่วไปที่หากหลุดรอดจากระบบรีไซเคิลจะกลายเป็นขยะตกค้างยาวนาน
ข้อเสียและข้อจำกัดของถุงพลาสติกย่อยสลายได้
1. ราคาสูงกว่าถุงพลาสติกทั่วไป
ข้อจำกัดสำคัญของถุงพลาสติกย่อยสลายได้คือราคาที่สูงกว่าถุงพลาสติกทั่วไป เนื่องจากกระบวนการผลิตที่ซับซ้อนและวัตถุดิบที่มีต้นทุนสูงกว่า ทำให้ผู้บริโภคบางส่วนลังเลที่จะเลือกใช้
2. ต้องมีสภาวะที่เหมาะสมในการย่อยสลาย
ถุงพลาสติกย่อยสลายได้จำเป็นต้องอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสมจึงจะย่อยสลายได้ตามระยะเวลาที่กำหนด หากถูกทิ้งในหลุมฝังกลบที่ขาดออกซิเจน หรือในสภาพแวดล้อมที่แห้งเกินไป อาจใช้เวลาย่อยสลายนานกว่าที่ระบุไว้มาก
3. ยังมีข้อจำกัดในการใช้งานบางประเภท
ถุงพลาสติกย่อยสลายได้มักมีความแข็งแรงและทนทานน้อยกว่าถุงพลาสติกทั่วไป ทำให้ไม่เหมาะกับการใช้งานบางประเภท เช่น:
- การบรรจุของหนักหรือของมีคม
- การเก็บรักษาอาหารระยะยาว
- สินค้าที่ต้องการความทนทานต่อความชื้นสูง
วิธีเลือกซื้อและใช้งานถุงพลาสติกย่อยสลายได้
1. เช็คฉลากและมาตรฐานรับรองก่อนซื้อ
การเลือกซื้อถุงพลาสติกย่อยสลายได้ที่มีคุณภาพ ควรสังเกตฉลากและการรับรองมาตรฐาน เช่น:
- มาตรฐาน EN 13432 หรือ ASTM D6400 สำหรับถุงที่ย่อยสลายเป็นปุ๋ยได้
- สัญลักษณ์ “Compostable” หรือ “Biodegradable”
- ข้อมูลระยะเวลาและสภาวะในการย่อยสลาย
- เครื่องหมายรับรองจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ
2. ทิ้งและกำจัดอย่างถูกต้อง
การทิ้งถุงพลาสติกย่อยสลายได้อย่างถูกวิธีจะช่วยให้เกิดผลดีต่อสิ่งแวดล้อม:
- ถุงประเภท Compostable ควรทิ้งในถังขยะอินทรีย์หรือนำไปทำปุ๋ยหมัก
- ถุงประเภท Biodegradable ควรแยกทิ้งตามคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์
- ไม่ควรทิ้งรวมกับขยะรีไซเคิลทั่วไป เนื่องจากอาจปนเปื้อนกระบวนการรีไซเคิล
3. ใช้ซ้ำและลดการใช้พลาสติกที่ไม่จำเป็น
แม้ถุงพลาสติกย่อยสลายได้จะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า แต่วิธีที่ดีที่สุดคือ
- พยายามใช้ซ้ำให้ได้มากที่สุดก่อนทิ้ง
- ลดการใช้ถุงพลาสติกทุกประเภทเมื่อไม่จำเป็น
- พิจารณาใช้ถุงผ้าหรือตะกร้าที่ใช้ซ้ำได้เป็นทางเลือกหลัก
- ใช้ถุงพลาสติกย่อยสลายได้เฉพาะเมื่อจำเป็นเท่านั้น
สรุป
ถุงพลาสติกย่อยสลายได้เป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับสิ่งแวดล้อมเมื่อเทียบกับถุงพลาสติกทั่วไป ด้วยคุณสมบัติที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ช่วยลดปัญหาขยะพลาสติกตกค้าง และลดการใช้ทรัพยากรฟอสซิล แม้จะมีข้อจำกัดบางอย่าง แต่การพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ก็อาจช่วยให้ถุงพลาสติกย่อยสลายได้มีประสิทธิภาพและราคาที่เหมาะสมมากขึ้นในอนาคต

มองหาผลิตภัณฑ์พลาสติกย่อยสลายได้ ต้อง Bags and Gloves
Bags and Gloves พร้อมตอบโจทย์การเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยวัสดุย่อยสลายได้ทางชีวภาพอย่าง PBAT และ PLA ด้วยกระบวนการผลิตที่ทันสมัย สามารถปรับแต่งผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการเฉพาะของลูกค้าได้อย่างลงตัว ผลิตภัณฑ์ของเราจึงเป็นที่ไว้วางใจของลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ
- ถุงมือ
- ผ้ากันเปื้อน
- เสื้อกาวน์
- อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลอื่น ๆ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์พลาสติก จาก Bags and Gloves ได้ที่ https://www.bagglove.com/th/
ต้องการสั่งซื้อ / สั่งผลิตสินค้า ติดต่อเราได้ที่
ฝ่ายขายต่างประเทศ
(+66)2-108-2390
(+66)95-583-3696
sales@bagglove.com
ฝ่ายขายในประเทศ
(+66)2-108-2391
@BAGGLOVE
sales@tna-thailand.com